สิ่งที่ควรรู้ ก่อนติดตั้ง EV Charger
รถยนต์ไฟฟ้ากำลังเป็นที่นิยมอย่างมาก ด้วยข้อดีในเรื่องของความประหยัด ทั้งค่าใช้จ่ายในการชาร์จไฟ และค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษารถ ที่ต่ำกว่ารถใช้น้ำมันเป็นอย่างมาก ซึ่งแน่นอนว่าการซื้อรถยนต์ไฟฟ้ามาใช้ จำเป็นต้องวางแผนเรื่องการชาร์จไฟให้กับรถตัว ใครที่อยู่คอนโดไม่มีสถานีชาร์จ ก็อาจจะต้องไปชาร์จที่สถานีชาร์รถไฟฟ้าตามที่ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นปั๊มน้ำมัน ศูนย์บริการรถยนต์บางยี่ห้อ ห้างสรรพสินค้า หรือสถานที่บริการของเอกชนต่างๆ แต่ใครที่มีบ้าน อยากแนะนำว่าให้ติดตั้ง EV Charger ไว้ที่บ้าน ซึ่งจะได้รับความสะดวกมากที่สุด แต่ก่อนจะติดตั้งแนะนำให้ตรวจสอบความพร้อมของบ้านก่อนกันครับ
เราเริ่มต้นกับการทำความรู้จัก EV Charger กันก่อนครับ อธิบายง่ายๆ ก็คือ อุปกรณ์สำหรับชาร์จไฟให้กับรถยนต์ไฟฟ้านั่นเอง หรือบางคนอาจจะเรียกว่า สถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าก็ได้ ซึ่งในปัจจุบันนี้เราสามารถแบ่งออกได้เป็น 3 ประเภทดังนี้
ตอนนี้ก็มาดูกันว่า เราจะต้องเช็คอะไรบ้าง ก่อนจะติดตั้ง EV Charger ไว้ใช้ที่บ้าน สำหรับคำแนะนำจากทางการไฟฟ้านครหลวงนั้น ก็แนะนำไว้ 2 อย่างหลักๆ เลยก็คือ แนะนำให้เพิ่มขนาดมิเตอร์ไฟฟ้า เป็น 30(100)A แบบเฟสเดียว หรือ 30(100)A แบบ 3 เฟส และบ้านไหนไม่สะดวกที่จะปรับปรุงระบบไฟฟ้าใหม่ ให้ทำการขอติดตั้งมิเตอร์เครื่องที่ 2 สำหรับ EV Charger โดยเฉพาะไปเลย โดยสามารถเลือกใช้มิเตอร์แบบ TOU ได้อีกด้วย
เริ่มจากดูขนาดมิเตอร์ไฟฟ้าของบ้านเราก่อน ถ้าใครไม่ทราบแนะนำให้ดูที่มิเตอร์ไฟฟ้าที่ติดตั้งบริเวณหน้าบ้าน หรือสอบถามจากการไฟฟ้าใกล้บ้าน สำหรับคำแนะนำจากการไฟฟ้า สำหรับไฟ 1 เฟส ต้องมีขนาดมิเตอร์ 30 แอมป์ขึ้นไป ส่วนไฟ 3 เฟส แนะนำว่าต้องมีขนาดมิเตอร์ 15/14 แอมป์
สำหรับขนาดของสายไฟเมนที่เชื่อมต่อมายังตู้ควบคุม ต้องมีขนาด 256 ตารางมิลลิเมตร หรือขนาดที่ใหญ่กว่านี้ ซึ่งขนาดที่ว่านี้เป็นขนาดของเส้นทองแดง นอกจากนี้ตู้ควบคุม Main Circuit Breaker ควรใช้ตู้ที่รองรับกระแสไฟได้สูงสุดไม่เกิน 100 แอมป์
ตู้ควบคุมไฟฟ้าของบ้านจะต้องรองรับกระแสไฟสูงสุดไม่เกิน 100 แอมป์ มีช่องว่างสำหรับติดตั้ง Miniature Circuit Breaker , 1P ขนาด 16A ซึ่งจะต้องเป็นช่องแยกจ่ายไฟออกมาจากส่วนอื่นๆ
เราควรติดตั้งเครื่องตัดวงจร กรณีการรัดวงจรของอุปกรณ์ มีค่ากระแสไฟฟ้าไหลเข้าออกไม่เท่ากัน รวมถึงสาเหตุอื่นๆ ที่ทำให้ไฟรั่ว ไฟเกินอีกด้วย ซึ่งเครื่องตัดไฟรั่วจะทำการตรวจสอบกระแสไฟที่ไหลผ่าน หากพบกว่ามีกระแสไฟที่ผิดปกติ ไม่ว่าจะเป็นการหายไปบางส่วน เช่น รั่วไหลไปลงดิน รั่วไหลไปสู่อุปกรณ์อื่นๆ เพราะมีการชำรุดของอุปกรณ์ ก็จะทำหน้าที่ตัดไฟ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดไฟฟ้าลัดวงจร ไฟดูด หรือเกิดไฟไหม้ อีกทั้งเครื่องชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าที่ดีควรมีระบบตัดไฟอย่างน้อย RCD Type B หรือเทียบเท่า
สำหรับเสียบสายชาร์จ เป็นชนิด 3 รู ต้องทนต่อกระแสไฟฟ้าได้ต่อเนื่องไม่น้อยกว่า 16 A ตาม มอก.166-2549 หรืออาจเป็นเต้าสำหรับอุตสาหกรรม ต้องมีหลักดิน ซึ่งแนะนำให้แยกออกจากหลักดิน ของระบบไฟเดิมของบ้าน โดยใช้สายต่อหลักดิน เป็นสายหุ้มฉนวน ที่มีขนาดไม่ต่ำกว่า 10 ตารางมิลลิเมตร ส่วนหลักดิน ควรมีขนาด 16 มิลลิเมตร ยาว 2.4 เมตร ตามมาตรฐาน และการต่อสายดินกับหลักดิน ควรเชื่อมต่อกันด้วยความร้อน
ให้สำรวจบริเวณบ้าน ตำแหน่งที่เราจอดรถก่อนว่า มีพื้นที่เพียงพอต่อการจอดรถ และเสียบสายชาร์จหรือไม่ คำแนะนำก็คือ ควรมีระยะห่างระหว่าง EV Charger กับตัวรถไม่เกิน 5 เมตร และพื้นที่นั้นควรจะเป็นที่ร่มมีหลังคา กันแดด กันฝนได้
สำหรับท่านที่ซื้อรถยนต์ไฟฟ้าแล้วมีโปรโมชั่นแถม EV Charger มาให้เรียบร้อย ก็จะไม่ค่อยมีปัญหาอะไรมากนัก เพราะจะมีช่างมาช่วยตรวจสอบให้เราทั้งหมด รวมถึงติดตั้งให้เรียบร้อยด้วย แบบนี้ก็จะสะดวกหน่อย แต่ถ้ารถยนต์ไฟฟ้าที่ซื้อแล้ว เราต้องมาติดตั้งเอง ก็แนะนำให้ตรวจสอบให้ดีก่อน หากเราไม่ได้มีความชำนาญเรื่องพวกนี้ ไม่แนะนำให้ซื้อตามออนไลน์แล้วมาติดตั้งเองนะครับ เพราะมีความเสี่ยงในเรื่องของไฟฟ้าค่อนข้างสูง ลองหาช่างหรือบริษัทที่รับติดตั้งมาจัดการให้จะดีทึ่สุดครับ
หน้าที่เข้าชม | 10,615 ครั้ง |
ผู้ชมทั้งหมด | 7,643 ครั้ง |
เปิดร้าน | 11 ส.ค. 2567 |
ร้านค้าอัพเดท | 4 ก.ย. 2568 |